บทที่ 9 9
หลินหลินซาบซึ้งน้ำใจของทุกคนที่มีต่อเจ้าของร่าง แล้วต้องเอี้ยวหน้าน้อยๆไปมองเมื่อมีมือบอบบางของสตรีมาประคองนางให้ไปนั่งร่วมโต๊ะ นางมองดูก็เห็นเป็นภรรยาของหย่งสือนั่นเอง
“เจ้าอย่าได้คิดมาก นั่งลงกินข้าวกันเถอะ ไม่ต้องคิดมากว่าเจ้ามาที่นี่แล้วจะทำให้พวกเราลำบาก” กุ้ยฟางหรงบอกพร้อมรอยยิ้ม นางไม่มีบุตรสาวพอเห็นจางชิงหลินก็รู้สึกเมตตา เมื่อตอนที่หลานสาวมีวาสนาสูงส่งเป็นฮองเฮา นางก็ไม่กล้าตีสนิทด้วยแต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว
ฟางหรงถอนใจเฮือก มองวาสนาแสนอาภัพของหลานสาวด้วยความเห็นใจจางชิงหลินเป็นคนมีน้ำใจไม่เคยลืมตระกูลเดิม ตอนที่เป็นฮองเฮาก็ส่งมอบของดีๆมาให้ตระกูลฝ่ายมารดาไม่ขาด
“ป้าจะให้บ่าวนำน้ำแกงไก่ที่ป้าตุ๋นไว้มาให้เจ้าดื่ม”
‘ทำไมทั้งชีวิตจริงและในละคร ชอบน้ำแกงไก่ตุ๋นกันจัง ที่จริงอยากกินรังนกตุ๋นแต่ไม่กล้าบอก’
“ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ ข้ากินอะไรก็ได้” หลินหลินตอบ
“เจ้าหายดีเมื่อไรพี่ชายจะพาเจ้าไปเดินชมดอกท้อ ตอนนี้ดอกท้อกำลังผลิดอกบานงดงามคงทำให้ใจเจ้าแช่มชื่นขึ้นบ้าง”
หลินหลินมองไปทางคนพูดแล้วยิ้มอย่างสุภาพ “ได้ยินว่าพี่หย่งเล่อไปเป็นทหารประจำอยู่ชายแดนความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” นางได้ยินพวกสาวใช้พูดกัน หลวนหย่งเล่อเป็นบุตรของลูกพี่ลูกน้องของกุ้ยฟางหรง หย่งสือกับกุ้ยฟางหรงไม่มีบุตรด้วยกันจึงรับหย่งเล่อมาเป็นบุตรบุญธรรม
“พี่สบายดี ชายชาติทหารย่อมไม่กลัวความลำบาก ขอบใจที่เป็นห่วงพี่”
หย่งเล่อมองนานแล้วเผลอสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นสายตาของท่านพ่อมองเขาอยู่
หลินหลินอมยิ้ม มองพี่ชายคนนี้ด้วยสายตาชื่นชม ถ้าเปรียบเทียบในยุค2018 บุรุษแบบหย่งเล่อเรียกว่าสุภาพบุรุษ หลินหลินไม่กล้าเพ่งมองนานเพราะกลัวจะเสียมารยาทถึงอยากจะแอบชมความหล่อต่ออีกหน่อยก็ตาม แต่สตรีในยุคนี้ต้องสงวนท่าที จึงหลุบตาลงต่ำ อย่างไรเสียเจ้าของร่างนี้ก็เป็นอดีตฮองเฮา
“เอาล่ะ กินอาหารกันเถอะ ก่อนที่จะเย็นชืดเสียหมด” หลวนซูฮวาพูดขึ้น นางดีใจที่ลูกหลานรักใคร่ปรองดองกัน แม้สกุลหลวนจะไม่ใช่สกุลใหญ่ แต่ก็ปึกแผ่นมั่นคงด้วยความเอื้ออาทรต่อกัน
หลินหลินกินอาหารมื้อนั้นด้วยความอบอุ่น นางกินได้หลายคำเพราะความหิวที่แล่นจู่โจม กินเสร็จลู่เจียวกับจิวฮุ่ยก็ประคองนางออกไปเดินรอบจวน
หลินหลินนั่งพักที่ใต้ต้นท้อมีเสื้อคลุมกันหนาวคลุมร่างอย่างดี นางขบคิดถึงสถานการณ์ของนาง ทุกคนในจวนดีต่อนาง แต่ถ้าหากนางยังอยู่ที่จวนแห่งนี้จะทำให้ทุกคนลำบาก หลวนหย่งสือและหลวนหย่งเล่อมีหน้าที่ทางการทหาร หากว่าคนในราชสำนักสืบรู้ถึงความเกี่ยวโยงกันก็จะทำให้ทั้งหย่งเล่อและหย่งสือลำบาก
หากว่านางต้องการหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมนี้ เพื่อไม่ให้ตัวนางเองและคนในครอบครัวสกุลหลวนลำบาก ยิ่งสืบเรื่องราวจากสองสาวใช้ทุกอย่างที่หลินหลินเคยฝันล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจริง
“ผัวชั่วหลงเมียน้อย แล้วร่วมมือกันผลักเมียหลวงตกบัลลังก์ ฮึ่ม!! ได้เลย เดี๋ยวหลินจัดให้”
“คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” สองสาวใช้มองหน้ากันอย่างงุนงง หรือเป็นเพราะช่วงนี้คุณหนูของพวกนางผ่านเรื่องร้ายมามากถึงได้ดูเปลี่ยนแปลงไป
หลินหลินไม่ได้ตอบคำถามของสองสาวใช้ นางกำลังวางแผนการในหัวอยู่ นางคิดแผนแรกได้แล้ว อย่างแรกนางต้องไปพึ่งสถานที่หนึ่งซึ่งได้ยินมาจากท่านยาย ถ้าสวรรค์ส่งนางกลับมาแก้แค้นให้จางชิงหลิน นางก็จะเขียนบทเองเล่นเอง คอยดูเถอะผัวชั่วกับอดีตสาวใช้สันดานเสียคิดจะเหยียบหัวผู้มีพระคุณไปนั่งบัลลังก์ เดี๋ยวแม่จะเขย่าบัลลังก์ให้ร่วงลงมาทั้งสองคนนั่นแหละ ยิ่งได้ฟัง ยิ่งได้รับรู้ ยิ่งคับแค้น
หลินหลินเดินกลับไปขอพบหลวนซูฮวาและขอให้สตรีชราจัดรถม้าให้ นางบอกจุดประสงค์กับท่านยาย อีกฝ่ายก็ไม่ขัดข้อง
หลินหลินเรียกลู่เจียวกับจิวฮุ่ยมาพบหลังจากนั้นทันที
“ข้าจะไปอารามเต๋า”
“คุณหนูจะไปไหว้พระหรือเจ้าคะ”
หลินหลินมีคำตอบในใจแล้วแต่ยังไม่อยากพูดให้ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยรู้ตอนนี้ “ใช่ พวกเจ้าไปเตรียมรถม้าให้พร้อม ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หลินหลินรอไม่นาน รถม้าก็มารอรับอยู่ที่หน้าจวน ลู่เจียวกับจิวฮุ่ยประคองผู้เป็นนายขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวัง
รถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าจวน หลินหลินก็เปิดผ้าม่านออกมองดูผู้คนภายนอกรถม้า นางมองดูชีวิตของผู้คนในยุคราชวงศ์ชิง เครื่องสวมศีรษะความเป็นจริงแล้วไม่ได้ใหญ่อลังการแบบที่พวกละครทีวีชอบให้นักแสดงสวมใส่
หลินหลินอดคิดขึ้นมาไม่ได้
“ที่จริงสวรรค์ไม่ควรให้คนเขียนบทอย่างฉันหลงยุคมา ควรให้พวกคอสตูมหลงยุคมาด้วยจะได้รู้ว่าชุดนักแสดงหญิงในชุดราชวงศ์ชิงแท้จริงเป็นยังไง ดูสิชุดที่ใส่ไม่เหมือนที่พวกคอสตูมจัดให้นักแสดงเลย” ถ้ามีกระดาษปากกามาจดภาพตรงหน้าไว้ด้วยได้ก็ดี หลินหลินพึมพำเกาะหน้าต่างรถม้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
พลันสายตาของนางเห็นเข้ากับเงาร่างคุ้นตาคนหนึ่ง สตรีคนนั้นเหมือนหลิวโจวซิ่นไม่มีผิด
